ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของการผลิตและการกำจัดบรรจุภัณฑ์ได้ครอบงำอุตสาหกรรมนี้ เนื่องจากความคิดเห็นของสาธารณชนที่กว้างขึ้นจับประเด็นถกเถียงทางการเมืองเกี่ยวกับผลกระทบของขยะที่มีต่อโลกของเรา Ekoplaza ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติเนเธอร์แลนด์เปิดตัวทางเดินปลอดพลาสติกแห่งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ปลอดพลาสติกมากถึง 700 รายการให้เลือก ขณะที่ร้านค้าปลีกในสหราชอาณาจักรอย่าง ASDA ซูเปอร์มาร์เก็ตได้ประกาศมาตรการลดการใช้พลาสติก ในระดับกฎระเบียบ สหภาพยุโรปมุ่งมั่นที่จะทำให้ขยะบรรจุภัณฑ์ 80% สามารถรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ภายในปี 2573 ในขณะที่ทั้งสหภาพยุโรปและรัฐบาลอังกฤษได้ประกาศความตั้งใจที่จะห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่น คอตตอนบัดและหลอดสำหรับดื่ม แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ได้รับการขยายโดยการตัดสินใจของจีนที่จะหยุดนำขยะที่เหลือในโลกไปรีไซเคิล

ในแง่นี้ทำให้กระดาษอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งที่จะเติบโตต่อไปในฐานะวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เลือกใช้ และเป็นตัวทดแทนที่ชัดเจนสำหรับพลาสติกทั้งหมดที่ถูกนำออกจากห่วงโซ่อุปทาน ท้ายที่สุดแล้ว ผลิตภัณฑ์จากกระดาษจำนวนมากสามารถนำมารีไซเคิลได้ถึงเจ็ดครั้ง แต่กระดาษยังคงต้องพิสูจน์คุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในด้านการผลิตผลิตภัณฑ์ การรีไซเคิลและการกำจัดคาร์บและกระดาษจำนวนมหาศาลที่เราบริโภค

ประเทศชั้นนำ 15 อันดับแรกบริโภคผลิตภัณฑ์กระดาษและกระดาษแข็งมากกว่า 301 ล้านเมตริกตันในปี 2559 จีนบริโภคเพียงลำพังมากกว่า 106 ล้านเมตริกตัน ในขณะที่สหรัฐฯ ใช้เกือบ 71 ล้านเมตริกตัน อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาบริโภคในปริมาณที่มากกว่ามากต่อคนที่ 229 กิโลกรัมต่อคน ขณะที่จีนใช้ประมาณ 74 กิโลกรัมต่อคน ในแง่ของการใช้งาน ประเทศอื่นๆ ในโลกเทียบเคียงกับจีนและสหรัฐอเมริกา โดยญี่ปุ่นใช้เกือบ 26.5 ล้านเมตริกตัน เยอรมนีใช้มากกว่า 20.5 ล้านเมตริกตัน และสหราชอาณาจักร 8.6 ล้านเมตริกตัน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตลาดเกิดใหม่ยังตามหลังอยู่มาก โดยการใช้งานในอินเดียอยู่ที่ 13.5 ล้านเมตริกตัน ในขณะที่อินโดนีเซียอยู่ที่ 7.7 ล้านเมตริกตัน

ตลาดบรรจุภัณฑ์สีเขียวทั่วโลกคาดว่าจะสูงถึง 237.8 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2567 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) 5.7% ตั้งแต่ปี 2559 ถึง 2567 ในแง่ของรายได้ ส่วนบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลคาดว่าจะเติบโตในอัตรา 5.2 % ในช่วงเวลาเดียวกัน ตลาดอเมริกาเหนือคาดว่าจะมีมูลค่าเกิน 70,400 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2567 ในขณะที่ยุโรปคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น 5.5% ต่อปี เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากภาคส่วนการดูแลสุขภาพ นอกสหรัฐอเมริกาและยุโรป ประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะอินเดียและจีน คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า